วันอังคารที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

กลูต้าไธโอน เจ้านี่มันดียังไงกันนะ


  

กลูตาไธโอน (Glutathione) เป็นสารประเภท Tripeptide ที่ประกอบด้วย กรดอะมิโน 3 ชนิด ได้แก่ Cysteine, Glycine, Glutamic acid กลูตาไธโอนเป็นสารแอนติออกซิแดนท์ชนิดละลายน้ำได้ที่สำคัญที่ร่างกายสร้าง ขึ้น และเป็นพื้นฐานสำหรับสารแอนติออกซิแดนท์อื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งรวมทั้งกลูตาไธโอน เปอร์ออกซิเดส สารประกอบกลูตาไธโอน ช่วยปกป้องร่างกายจากการทำลายของอนุมูลอิสระ ช่วยกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกัน และช่วยตับในการย่อยสลายสารพิษ ร่างกายของเราจะผลิตมากขึ้นหากได้รับสารพิษเข้าไป เช่น ยาฆ่าแมลง สารเคมีต่างๆ ที่ปนเปื้อนในอาหาร น้ำดื่ม สารพิษเหล่านี้จะทำลายเซลล์และระบบของร่างกาย
สูตรเคมีของ Glutathione

              ความจริงแล้ว สารชนิดนี้ถูกคิดค้นเพื่อใช้รักษาโรคมะเร็งตับ แต่ปัจจุบันมีกลุ่มคลินิกเสริมความงาม อ้างว่าเป็นสารที่ใช้ผสมกับวิตามินซี ฉีดทำดีท็อกซ์ผิวขาว ทำให้มีการนำไปใช้เป็นอาหารผิวเพื่อผิวเนียนขาวใสอย่างแพร่หลายและกว้างขวาง ซึ่งเป็นที่นิยมของดารา นางแบบ นายแบบ


กลูตาไธโอนชนิดฉีด

หน้าที่หลักของกลูตาไธโอนที่เด่นมีอยู่ 3 ประการ คือ

              1. Detoxification : กลูตาไธโอนช่วยสร้างเอ็นไซม์ชนิดต่างๆ ในร่างกาย โดยเฉพาะ Glutathione-S-transferase ที่ช่วยในการกำจัดพิษออกจากร่างกายโดยไปเปลี่ยนสารพิษชนิดไม่ละลายในน้ำ (ละลายในน้ำมัน) เช่น พวกโลหะหนัก สารระเหย ยาฆ่าแมลง แม้แต่ยาบางชนิดให้เป็นสารที่ละลายน้ำได้ดีขึ้น และง่ายต่อการกำจัดออกจากร่างกาย นอกจากนี้ ยังช่วยป้องกันตับจากการถูกทำลายโดยแอลกอฮอล์ (สุรา) สารพิษจากบุหรี่ ยาพาราเซตามอลเกินขนาด

              2. Antioxidant : กลูตาไธโอนมีคุณสมบัติเป็นสารต้านปฏิกิริยาอ๊อกซิเดชั่น (Antioxidant) ช่วยต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันความเสื่อมหรือความแก่ของเซลล์ (aging) และการเกิดโรคต่างๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคหัวใจ เส้นเลือดตีบ ต้อกระจก เป็นต้น

              3. Immune Enhancer : ช่วยกระตุ้นภูมิคุ้มกันในร่างกาย โดยกระตุ้นการทำงานของเอ็นไซม์หลายชนิดเพื่อให้ร่างกายต่อต้านสิ่งแปลกปลอม รวมถึงเชื้อแบคทีเรียและไวรัส นอกจากนี้ กลูตาไธโอนยังช่วยสร้างและซ่อมแซม DNA สร้างโปรตีน และ Prostaglandin สิ่งสำคัญที่สุดสำหรับผู้หญิงที่ต้องการให้ผิวเนียน ใส ขาวกระจ่าง เปล่งปลั่ง (เป็นเหตุผลที่เธอเสริมกลูตาไธโอนมากที่สุด)


              โดยปกติ แล้วร่างกายเราจะไม่ขาดกลูตาไธโอน นอกเสียจากจะเป็นโรคบางชนิดที่ทำให้เกิดความต้องการสารตัวนี้มากขึ้น หรือโรคที่ต้านการสร้าง Glutathione โรคหรืออาการบางชนิดที่เกี่ยวข้องกับการขาดสารนี้หรือต้องการสารนี้ในปริมาณ เพิ่มขึ้น ได้แก่ โรคตับ เบาหวาน โรคความดัน ต้อหิน มะเร็ง เอดส์ ฯลฯ ในผู้ที่สูบบุหรี่จัดจะพบว่ามีระดับกลูตาไธโอนในเลือดต่ำ เนื่องจากอัตราในการใช้กลูตาไธโอนเพิ่มขึ้น


              พบสารชนิดนี้ได้ในพืชผักชนิดต่างๆ ผลไม้ทั่วไปและเนื้อสัตว์ แต่จะพบมากในหน่อไม้ฝรั่ง อะโวกาโด วอลนัท นม ไข่ สตรอเบอร์รี มะเขือเทศ ผักบรอคโคลี ส้มเกรปฟรุต และผักโขม ปัจจุบันกลูตาไธโอนมีวางจำหน่ายในหลายรูปแบบ เช่น ชนิดเม็ดหรือแคปซูล ชนิดพ่น ชนิดฉีดเข้าเส้นและฉีดเข้ากล้ามเนื้อ


              
ในปัจจุบันยังไม่มีรายงานผลข้างเคียงใดๆ และไม่มีรายงานความเป็นพิษ ไม่ว่าจะเป็นการใช้ในระยะสั้น หรือระยะยาว ระดับความปลอดภัยจัดเป็น "อาหารเสริม" ไม่ใช่ "สมุนไพร" การผลิตโดยทั่วไปผ่านกระบวนการสังเคราะห์ ผลข้างเคียงที่มีรายงานคือ การกินปริมาณสูงติดต่อกันจะทำให้ผิวขาวใสเร็วขึ้น


ถ้าข้อมูลนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE เป็นกำลังใจในการหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาเสนออีก 

ขอบคุณค่ะ ^__^





ที่มา  :  วิชาการดอทคอม

วันอาทิตย์ที่ 10 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

โสม - สารสกัดจากโสม ดีอย่างไร

โสม (Ginseng) เป็นสมุนไพรจากธรรมชาติที่ได้รับการยอมรับอย่างแพร่หลาย และได้มีการนำมาใช้ประโยชน์นานนับ

พันปีแล้ว สรรพคุณของโสมที่เด่นที่สุดคือ ใช้เพื่อบำรุงสุขภาพโดยรวม โดยเฉพาะชาวจีนซึ่งยกให้โสมเป็นยาอายุ


วัฒนะ ที่สามารถรักษาโรคได้สารพัดชนิดเลยทีเดียว





สาร Adaptogens ในโสม มีคุณสมบัติลดความเครียด ช่วยปรับสภาพร่างกายและจิตใจให้ทนต่อภาวะต่างๆ ได้มากขึ้น 


และยังช่วยลดความเมื่อยล้า โดยกระตุ้นให้เซลล์ในร่างกายสร้างพลังงานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ยังช่วยให้ร่างกายรู้สึก

สดชื่น กระปรี้กระเปร่า และกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรงมากขึ้น นอกเหนือจากสรรพคุณที่ได้กล่าวมา

แล้วยังมีรายงานผลการวิจัยของโสมเพิ่มเติมอีกดังต่อไปนี้


  • โสมมีส่วนช่วยเพิ่มการสร้างพลังงาน ทำให้นักกีฬามีความทนทานต่อการออกกำลังหนักได้ดีขึ้น และทำให้สามารถนำพาออกซิเจนไปใช้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น
  • กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันในร่างกายให้แข็งแรง โดยการสร้างสาร Interferon ซึ่งเป็นสารต้านเชื้อไวรัส และกระตุ้นการสร้างโปรตีน Interleukin- 1
  • ช่วยบรรเทาอาการร้อนวูบวาบในหญิงวัยหมดประจำเดือน
  • ลดการหลั่งฮอร์โมนที่ทำให้เกิดความเครียดจากต่อมหมวกไต
  • ลดอัตราการแพร่กระจายของเซลล์มะเร็ง
  • ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดให้อยู่ในระดับปกติ
  • ช่วยฟื้นฟูสมรรถภาพทางเพศ
  • ทำให้อัตราการเต้นของหัวใจเป็นปกติ
  • ลดอาการข้างเคียงจากการฉายรังสี

จากที่กล่าวข้างต้นจะเห็นได้ว่าพืชสมุนไพรชนิดนี้มีสรรพคุณมากมาย ตั้งแต่เพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของระบบ

ต่างๆ ในเวลาที่อ่อนเพลีย ช่วยสร้างพลังงานกับร่างกาย ลดภาวะซึมเศร้า เสริมสร้างระบบภูมิคุ้มกัน เพิ่มประสิทธิภาพ

การทำงานของหัวใจและหลอดเลือด ไปจนถึงการเสริมสร้างระบบความจำของสมอง ถึงแม้ว่าการรับประทานโสมอาจ

ทำให้มีอาการนอนไม่หลับได้บ้าง แต่ในปัจจุบันยังไม่พบอาการไม่พึงประสงค์ที่ร้ายแรงจากการใช้โสม (การใช้โสมหรือ

สมุนไพรอื่นๆ ในผู้ป่วยโรคความดันโลหิตสูง ควรอยู่ภายใต้การควบคุมของแพทย์หรือเภสัชกร)




ถ้าข้อมูลนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE เป็นกำลังใจในการหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาเสนออีก ขอบคุณค่ะ ^__^

วันอังคารที่ 5 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2556

เลือกสียาทาเล็บอย่างไรดี ถึงจะเข้ากับมือของเราที่สุด







เคยรู้สึกหนักใจไหมว่าจะเลือกสียาทาเล็บอย่างไรดีถึงจะเข้ากับมือของเราที่สุด สียาทาเล็บบางสีก็ดูสวย แต่ทำไมพอมาอยู่บนเล็บเราแล้วถึงได้ดูไม่จืดเลย ทีกลับสาวบางคนทาออกมากลับสวยซะงั้น เรามีเทคนิคง่ายๆ ในการเลือกสียาทาเล็บให้เหมาะกับผิวสาวแต่ละประเภท แน่นอนว่าทาออกมาสวยถูกใจแน่นอน

สาวผิวขาวอมเหลือง
เหมาะกับยาทาเล็บสีชมพูอมส้ม สีน้ำตาลทองสว่างๆ หรือสีสดๆ จะทำให้มือดูอ่อนเยาว์ ไม่ซีดเซียวและสดใสขึ้น

สาวผิวขาวอมชมพู
เหมาะกับยาทาเล็บสีชมพูอมน้ำตาล สีชมพูอมม่วง หรือสีโทนเย็นจะทำให้ดูอ่อนหวานขึ้น

สาวผิวคล้ำอมเหลืองเหมาะกับยาทาเล็บสีน้ำตาลทองเข้ม สีแดงสดหรือสีทอง จะช่วยทำให้ดูอบอุ่น ลุ่มลึกน่าค้นหา

สาวผิวคล้ำหรือดำแดง
เหมาะกับยาทาเล็บสีแดงเข้ม สีชมพู จะดูเป็นคนมีพลัง ฉลาดเฉลียวทันคน ปรับตัวเก่ง




 TIPS : สีอ่อนเข้าไว้ ถ้าคุณยังไม่คล่องพอที่จะทาสีเล็บด้วยตัวเอง หรืออยู่ในช่วงเวลาเร่งด่วน แต่อยากจะทาสีเล็บเพื่อออกงาน ให้เลือกสีเล็บที่มีเฉดสีอ่อน เพราะหากทาสีเล็บเลยไปหรือทาไม่เต็มหรือไม่เนียนพอ จะได้เห็นไม่ชัด


  เลือกสีตามเทรนด์ 
ลองมองหาเทรนด์สีเล็บที่นิยมกัน ด้วยการสังเกตเวลาเข้าร้านทำเล็บว่าสีไหนที่ถูกใช้งานไปเยอะมากที่สุด นั่นแหละคือสีที่ใช่ ยิ่งสั้นสียิ่งสวย ถ้าต้องการทาเล็บสีสว่างสดใส ควรตัดเล็บให้สั้นกว่าปกติ สีเล็บที่สดใสก็จะช่วยดึงความสนใจได้เพียงพอแล้ว 






ถ้าข้อมูลนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้  ^กอหญ้า^ หน่อยนะคะ จะได้เป็น

กำลังใจในการหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาเสนออีก ขอบคุณค่ะ ^__^




วันอาทิตย์ที่ 27 มกราคม พ.ศ. 2556

เคล็ดลับเลือก สีลิปสติก ให้เหมาะกับคุณ



ทาปาก ลิปสติก
……การเลือกสีลิปสติกให้เหมาะสมกับตัวเองดูเหมือนว่าจะไม่ง่ายอย่างที่คุณคิด … เมื่อคุณพบลิปสติกสีที่ถูกใจคุณในนิตยสารสักเล่ม ซึ่งมีนางแบบสาวสวยเป็นพรีเซ็นเตอร์ คุณก็รีบไปซื้อมาเป็นเจ้าของโดยทันที แล้วเมื่อคุณกลับมาถึงบ้าน คุณก็พบความจริงว่าลิปสติกสีนั้นมันไม่เหมาะกับคุณเลย ซึ่งเท่ากับว่าคุณเสียเงินโดยเปล่าประโยชน์
……….เพื่อเป็นการเลี่ยงหลีกเหตุการณ์แบบนี้ สิ่งที่คุณสาวๆควรทำคือ ไปที่เคาร์เตอร์ เครื่องสำอางค์สักแห่งหนึ่ง เข้าไปคุยกับพนักงานของร้านให้เขาช่วยเลือกสีลิปสติกที่เหมาะกับคุณ ไม่ต้องกลัวหรืออายพนักงาน เพราะนั่นคือความถนัดของเขา เป็นงานของเขา หลังจากขอคำแนะนำจากพวกเขาแล้ว คุณสามารถทดลองใช้ และถ้าคุณถูกใจก็สามารถซื้อกลับบ้านได้เลย สวยได้แบบมั่นใจด้วยค่ะ
เคล็ดลับง่ายๆสำหรับการเลือกซื้อสีลิปสติก
 สาวผิวขาว เหมาะกับลิปสติกได้หลากหลายเฉดสี ตั้งแต่เฉดสีอ่อนๆ สีชมพู สีส้ม ไปจนถึงสีแดง
 สาวผิวสองสี เหมาะกับลิปสติกเฉดสีอมส้ม สีพีช น้ำตาลอมส้ม สีแอปปริคอท สีชมพูอมส้ม สีแดงอมส้ม จะช่วยทำให้ใบหน้าของคุณสว่างขึ้น
 สาวผิวคล้ำ เหมาะกับลิปสติกเฉดสีเข้มๆ โทนสีแดง สีแดงม่วง สีแดงเข้ม น้ำตาลม่วง สีน้ำตาลแดง สีชมพูอมน้ำตาล และแนะนำให้ทารองพื้นที่ปากก่อนจะช่วยปรับสีผิวของริมฝีีปากให้สว่างยิ่งขึ้น


ถ้าข้อมูลนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้  ^กอหญ้า^ หน่อยนะคะ 

จะได้เป็นกำลังใจ ในการหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาเสนออีก ขอบคุณค่ะ ^__^


วันเสาร์ที่ 26 มกราคม พ.ศ. 2556

วิธีการกรีดอายไลเนอร์แบบไหน ให้เข้ากับรูปตา


   คุณสาว ๆ เคยคิดกันไหมว่าดวงตาของเรานั้นมีรูปแบบไหนกัน แล้วควรเขียนอายไลเนอร์แบบไหนถึงจะเหมาะสมกับดวงตาของเรา เพราะว่ารูปตาของแต่ละคนนั้นไม่ได้มีรูปทรงที่เหมือนกัน ดังนั้นการที่เราจะเขียนอายไลเนอร์ให้ออกมาสวยงามและเข้ากับรูปตาของเรานั้นเป็นเรื่องที่ไม่ยากเลย วันนี้เรามีวิธีการเขียนอายไลเนอร์ให้เข้ากับรูปตา เราจะมาดูกันว่ารูปตาของแต่ละแบบนั้น ควรจะมีวิธีการเขียนอายไลเนอร์แบบไหน เพราะหากว่าเราสามารถเขียนอายไลเนอร์เข้ากับรูปตาของเราได้นั้น จะทำให้เราสวยขึ้นเป็นกองเลยละค่ะ 

 สาวตา 2 ชั้น หลบในเล็กน้อย หางตาตกหน่อย 

วิธีการ ให้เขียนอายไลเนอร์ลากจากหัวตาให้เสมอกันถึงหางตา ใต้ตาใช้อายไลเนอร์ดินสอในการเขียน ตั้งแต่หัวตาไปหางตาหางตาล่างให้เขียนเส้นหนาขึ้นมาหน่อย





สาวตา 2 ข้าง ไม่เท่ากัน 

 วิธีการ ให้เขียนอายไลเนอร์ข้างขวาหนากว่าข้างซ้าย ส่วนตาล่างให้เขียนหัวตาฟุ้ง ๆ บาง ๆ ตรงช่วงหางตาให้เข้ม ๆ หน่อย




สาวตาโต 

วิธีการ ให้เขียนอายไลเนอร์แบบเส้นบาง ๆ ลากจากหัวตาไปหางตา โดยไม่ต้องทำการตวัดหางตาขึ้น ส่วนขอบตาล่างเขียนด้วยอายไลเนอร์แบบดินสอเขียนเส้นบาง ๆ




สาวเบ้าตาเล็ก และลึก 

วิธีการ ควรเขียนอายไลเนอร์ให้หางตาหนากว่าหัวตา ประมาณครึ่งหนึ่งของรอยพับตา ส่วนตาล่างให้เขียนหัวตาฟุ้ง ๆ บาง ๆ โดยไม่ต้องเขียนจนสุดหัวตา






สาวตาชั้นเดียว 

วิธีการ ควรเขียนอายไลเนอร์ให้ตรงส่วนกลางดวงตาหนากว่าหางตาและหัวตาก ส่วนตาล่างเขียนให้ฟุ้งๆ




ถ้าข้อมูลนี้มีประโยชน์ ช่วยกด LIKE ให้  ^กอหญ้า^ หน่อยนะคะ จะได้เป็น

กำลังใจในการหาข้อมูลที่เป็นประโยชน์มาเสนออีก ขอบคุณค่ะ ^__^


แต่งหน้าใสๆ สไตล์สาวเกาหลี



ปฎิเสธไม่ได้เลยว่า อายไลน์เนอร์ กลายเป็นสิ่งที่ขาดไม่ได้ของสาวๆ ไปแล้ว เพราะ ไม่ว่าจะหันไปทางไหน ก็ต้องเห็นดวงตาสวยคมที่ผ่านการกรีดอายไลน์เนอร์มาแล้วทั้งนั้น และแน่นอนว่าการแต่งหน้าของสาวเอเชียอย่างประเทศเกาหลี ที่มีลักษณะรูปตาคล้ายสาวไทยนั้น ได้มีเสียงเรียกร้องจากสาวๆ ให้เก๊ตดี้มาอัพเดทเทรนด์การแต่งตาแบบสาวเกาหลี ที่เ
ป็นการแต่งหน้าแบบเผยผิวสวย เน้นดวงตาเป็นประกายสีน้ำตาล คิ้วตรงเข้ม หน้านู้ด มาให้สาวๆ ได้ดู พร้อมทริคดีๆ ที่จะช่วยให้อายไลน์เนอร์ของสาวติดทนไม่ไหลเลอะมากองรวมกันมาฝากด้วยค่ะ^^
1. ทาอายแชโดว์สีอ่อนที่สุดให้ทั่วเปลือกตา
2. ทาอายแชโดว์สีน้ำตาลที่เข้มขึ้นมา 1 เฉดสี โดยทาบริเวณรอยพับเปลือกตา
3. เพื่อให้ดวงตาดูกลมโต ใช้อายแชโดว์สีขาวหรือสีอ่อนที่สุด ทาบริเวณกึ่งตาดำ
4. จากนั้นใช้อายไลน์เนอร์เนื้อเจล โดยใช้พู่กันทาให้ชิดโคนขนตามากที่สุด เขียนให้ปลายหางยาว จะได้ดวงตาที่ดูเฉี่ยวขึ้น
5. ใช้แปรงเบลนอายไลน์เนอร์ให้ฟุ้ง ไม่ให้เป็นเส้นชัด ขั้นตอนนี้ต้องรีบทำ ไม่อย่างนั้นอายไลน์เนอร์จะแห้งและเป็นเส้นชัดเกินไป
6. เมื่อเบลนอายไลน์เนอร์จนฟุ้งแล้ว สียังไม่เข้มพอ ให้เติมสีน้ำตาลเข้มที่ปลายหางตาอีกรอบ
7. ดัดขนตา-ปัดมาสคาร่าลงบนขนตาบนทั้งสอง­ข้างของคุณตั้งแต่โคนจนถึงปลายโดยปัดแบบซิกแซ็ก
8. อย่าลืมเขียนอายไลย์เนอร์ที่ขอบตาล่าง จะใช้แบบเจอไลน์เนอร์หรือแบบดินสอก็ได้ และเทคนิคที่จะช่วยไม่ให้ขอบตาเลอะ ควรใช้อายแชโดว์สีน้ำตาลหรือสีดำ กดทับอีกรอบ จะได้สีที่เข้มขึ้นและไม่เลอะระหว่างอีกด้วย
9. ใช้อายแชโดว์แบบฝุ่นสีขาวหรือสีอ่อนสุดทาที่หัวตา 
10. ปัดมาสคาร่าที่ขนตาล่าง 
11. แต่งเติมสีสันให้เรียวปากให้ดูเป็นสาววัยรุ่นด้วยการทาลิปสติกสีนู้ดหรือคอนซีลเลอร์ให้ทั่วริมฝีปาก 
12. ทาทินท์สีแดงด้านใน การทาปากแบบนี้นอกจากจะดูสดใสแล้ว ยังคล้ายการทาปากของซุปตาร์เมืองไทยอย่าง อั้ม พัชราภา ด้วยนะคะ